
วันแรกของการทำงาน เป็นเรื่องที่ตื่นเต้นและแปลกใหม่สำหรับพวกเรานิสิตฝึกงานปี 4 เป็นอย่างมาก กลุ่มออกฝึกงานของเรามีด้วยกันทั้งหมด 4 คน เป็นผู้หญิงหมดเลยค่ะ
วันแรกเราพร้อมใจกันตื่นแต่เช้า (ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า...) เจ็ดโมงตรงกลุ่มของพวกเราก็พากันถึงที่ฝึกงานแล้ว (เชื่อป่ะ... อิอิ ไฟแรง) เราโทรหาพี่ที่เป็นพี่เลี้ยงของพวกเรา พี่เค้าบอหว่า “น้องนั่งเล่นไปก่อนนะแถวข้างๆ ตึกนั่นแหละ ใต้ต้นมะม่วงนะ เดี๋ยวประมาณ 8 โมงครึ่งพวกพี่จะไปถึงนะ” เราก็ตอบอย่างว่าง่าย “ค่ะ” แต่เมื่อวางสายแล้วก็พากันสุมหัวคุยกันว่า “แปดโมงครึ่ง! อีกชั่วโมงครึ่งเนี่ยนะ... เรากลับไปนอนต่อดีมั๊ย” แต่ก็แค่พูด ได้ได้ไปไหนกัน จากนั้นก็พากันพูดกันไปเรื่อย ต่างๆ นานา ประมาณ 8 โมงพนักงานก็เริ่มทยอยเข้ามาทำงานใน office เราก็รอคอย “พี่หญ้า” คนที่เราติดต่อว่าตอนแรกจะเป็นพี่เลี้ยงของพวกเรา (คิดเองเออเองเสร็จเรียบร้อย) พอมีคนเริ่มทยอยมาแล้วอากาศก็ร้อน เราเลยปรึกษากันว่าจะไปไหนดี ก็ตกลงว่าจะไปที่ทำงาน “เข้าไปในที่ทำงานกันเถอะ” พอขึ้นไปบนตึกในห้องของฝ่ายโทรทัศน์ก็เจอพี่อ้อ ก็ได้เข้าไปบอกกับพี่เขาว่า “พี่คะ สวัสดีค่ะ พวกหนูเป็นนักศึกษาฝึกงานค่ะ” อย่างนอบน้อมสุดๆ จากนั้นพี่เค้าก็ถามถึงหนังสือที่ส่งตัวพวกเราเข้าไปทำงาน ก็เลยเอาหนังสื่อส่งตัวให้กับพี่แอ้ พี่แอ้ก็บอกว่า “ไปรอ “พี่ติ๋ว” กันข้างนอกก่อนนะไปนั่งเล่นกันก่อน” ก็ตอบอย่างว่าง่ายตามเดิม “ค่ะ” แต่ในใจก็คิดว่า “เพิ่งเข้ามาเมื่อกี้เองอ่ะ... เฮ้อ ร้อนอีกแระ” ก็พากันขนย้ายตัวกันออกมาจากตึกมารอที่ต้นมะม่วงข้างตึกตามเดิม
“เบื่อ!!! อ่ะ... รอ... รอ... รอ...” นานมาก ต้องอดทนนั่งเมาท์กันไปเรื่อยๆ จนคิดว่า ช่อง 11... เพิ่งโดนเผานี่ เรา... ไปดูกันดีมั๊ยอ่ะ >_< อยากดู” ตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น... อิอิ พอพูดจบก็พากันเดินตากแดดไปดูตึกที่เหลือแต่ซากจะเข้าก็เข้าไปไม่ได้เพราะว่ามันเป็น “เขตุอันตราย ห้ามเข้า!!!” อืม เราก็พากันเดินตากแดดกลับมาที่พักของพวกเรา “ต้นมะม่วงข้างตึกนั่นเอง”
8.25 น. “เข้าไปกันเถอะ” ชวนกันขึ้นตึกอีกครั้ง เพราะว่าเราอยากทำงานม๊ากมาก (จริงๆ ข้างล่างมันร้อนมากๆ เลย) ขึ้นไปที่ห้องเดิมและก็ได้คำตอบเหมือนเดิม “รอก่อน” เฮ้อ... รอก่อนนะพวกเรา คราวนี้เราพากันนั่งรอพี่เค้าหน้าห้องเลย เอาซิ เพราะว่าแปดโมงครึ่งแล้วอ่ะจะลงไปคนก็เยอะเกรงไปหมดเลย... ก็เลยนั่งรออยู่หน้าห้อง... ดั๊น... เป็นที่ที่เค้าลงชื่อกับที่ชงกาแฟกินของเจ้าหน้าที่กัน อ้อ... ลืมบอกไป... ด้วยความที่เป็นเด็กใหม่ จากการที่ท่านอาจารย์ได้สอนให้มือไม้อ่อน ตั้งแต่เช้ามากจนถึงตอนนี้เกือบๆ 9 โมงแล้ว เราไหว้คนในสำนักงานทั้งหมดรวมกันน่าจะเกิน 50 คนนะ... ไม่งั้นก็เกิน แต่!!! ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เราไม่อยากไหว้หรอ... ไม่ใช่หรอก เราไหว้ได้สบายมากด้วยแต่อย่างที่บอกมันเป็นที่ลงชื่อกับที่ชงกาแฟ ดื่มน้ำตรงนั้น มันทำให้มีคนเยอะมาก แล้วก็เดินกันวนไปวนมาแล้ว... แล้ว... ใครล่ะที่เราไหว้แล้วอ่ะ ก็ต้องช่วยกันจำว่า คนนี้ไหว้แล้วนะ ถ้าไหว้ซ้ำก็ยิ้มๆ กันไป เนียนๆ ค่ะ แต่คนที่นี่อารมณ์ดีและใจดีมากๆ ด้วย ทุกคนเลยจริงๆ ค่ะ ไม่มีใครเคร่งเครียดเท่าไหร่ เดินไปเดินมาก็พูดเล่นกับพวกเราเสมอ... น่าสนุกดีนะเนี่ย ระหว่างนั่งรอก็พากันคุยกันว่าใครจะอยู่ฝ่ายไหน เพราะตอนมาส่งเอกสารพี่เค้าบอกให้อยู่ฝ่ายละ 2 คนเท่านั้น 2:2 เราก็ทำการคัดแยกออก เลือกด้วยความยุติธรรมจากการ “โอน้อยออก” และ “เป่ายิ้งฉุบ” สรุปได้เรียบร้อยแล้ว นุชได้อยู่ฝ่ายรายการ
9 โมงเห็นจะได้ ในที่สุดพี่ติ๋วก็มาถึง พี่เค้าเรียก พวกเราก็พากันเดินเข้าไปในห้องทำงานเล็กๆ ที่อยู่รวมกัน 3 ฝ่ายในนั้น (ที่จริงเป็นห้องที่ใหญ่นะ แต่เนื่องจากไฟไหม้ไงก็เลยต้องย้ายมาตึกหลัง ซึ่งเล็กแต่สำนักงานทั้งหมดต้องอยู่ที่นี่และแบ่งกั้นห้องเรา) เข้าไปพบพี่เลี้ยงก็ได้ทำการแนะนำในการประพฤติปฏิบัติตน การแต่งกายและอะไรต่างๆ มากมายเกี่ยวกับการทำงานในฝ่ายต่างๆ รวมทั้งตอบคำถามท่ะวกเราสงสัยด้วย พี่ติ๋วบอกว่าช่วงนี้ยังไม่ค่อยได้ทำอะไรหรอกนะเพราะว่าของมันยังไม่เข้าที่เท่าไหร่ ก็มีอะไรที่ช่วยพวกพี่ๆ เค้าได้ก็ช่วยไปก่อนนะ ประมาณเดือนนึงก็น่าจะเข้าที่เรียบร้อย” และสุดท้ายที่พี่เค้าบอกก็คือ “หาที่นั่งเอาเลยนะ อย่ากนั่งตรงไหนก็เอาเลยนะ” (แล้วเราจะนั่งตรงไหนกันเนี่ย ห้องก็... แหม... ช่างใหญ่เสียนี่กระไร)
ท้ายสุดเราก็ได้มารวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะประชุมของฝ่ายข่าว เค้าก็เดินวนกันไปมาเราก็นั่งกลางโต๊ะประชุม กลางห้องอย่างนั้น คามรู้สึกส่วนตัวคือ “เรามันตัวเกะกะหรือนี่ มีอะไรให้เราทำมั๊ยน้า...” จากความรู้สึกนี้ก็ได้เดินไปที่ฝ่ายรายการของตัวเองและถามว่า “พี่คะมีอะไรให้ช่วยมั๊ยคะ มีอะไรให้ทำก็เรียกใช้ได้เลยนะคะ” พี่เค้าตอบว่า “อย่าเพิ่งไฟแรง ช่วงนี้มันยังไม่เข้าที่เดี๋ยวสักพักก่อนนะ” แต่ที่สำคัญได้รู้ชื่อของพี่ๆ ฝ่ายนั้นเพิ่ม 3 คน “พี่อ้อนสุดสวย พี่แอ้สุดสวย และพี่แจ๊ค” แล้วก็เดินกลับมานั่งหงอยอยู่ที่โต๊ะเหมือนเดินเฮ้อ...
ปัง!!!... เสียงปิดประตู นักศึกษาฝึกงานคนแรกที่ได้เจอเข้ามา มาถึงเค้าก็มานั่งตัดเทปเกี่ยวกับคนเสื้อแดงนี่แหละ เราก็ทำได้ตั้ง... เฮ้อ... นั่งดูเฉยๆ เท่านั้น ระหว่างนั้นเราก็ยังคงไหว้คนที่เข้ามาใหม่ๆ เหมือนเดิม และมีพี่คนหนึ่งเอากล้อง “DVCAM” เข้ามาวางไว้ที่กลางโต๊ะ “เพื่อนถามพี่เค้าว่า “ตัวนี้หนักมั๊ยคะ” พี่เค้าบอกว่า “ลองยกดูเลย” เพื่อนหนูเป็นคนตัวเล็ก ผอม “ยกไม่ขึ้น!” (แฮะ... ก็มันหนักนี่) แล้วพี่เค้าก็ไปตัดข่าวที่ถ่ายมา เขียนข่าวที่ไปทำมา ปุ๊บ... ปั๊บ... ปุ๊บ... ปั๊บ... แป๊บเดียวเสร็จแล้วหรอ อืม... สุดยอดขั้นเทพ
พี่ที่เป็นนิสิตฝึกงานก็หันมาคุยด้วย แนะนำตัวกันไปเรื่อยเปื่อยพี่เค้าชื่อพี่แจ็ค ชื่อเหมือนกับพี่ที่อยู่ฝ่ายรายการเลย พี่ก็แนะนำเรื่องต่างๆ แล้วก็ดูการใช้งานของเครื่องตัดต่อที่มีมอนิเตอร์แยกกันอยู่สองตัวที่เราไม่เคยมีโอกาสได้ใช้ ก็สอนบ้าง... คุยบ้าง... สลับกันไป พี่แจ๊คอยู่ฝ่ายข่าวค่ะ อีกสามสี่วันพี่เค้าก็กลับเข้าสังกัดมหาลัยเค้าแล้ว
วันนี้ช่วงเช้างานคือ นั่ง... นั่ง... แล้วก็นั่ง... (มองหน้ากันเฉยๆ เท่านั้น)
แล้วพอใกล้ๆ เที่ยงก็มีพี่อู๋กับพี่กบพี่ช่างภาพมาแนะนำการใช้กล้อง DVCAM ตัวที่วางอยู่บนโต๊ะที่เรานั่งกันนั่นแหละ เราก็ได้จับ ได้แตะ ได้กดนู่นกดนี่ ไปตามประสาของคนอยากรู้อยากเห็นและก็ไปกันข้าวที่โรงอาหารของสำนักงาน ซึ่งในย่านนั้นมีเพียงสองร้านเท่านั้นร้านแรกคือร้านข้าวแกง อีกร้านก็ร้านก๋วยเตี๋ยว วันนี้เลือกกินก๋วยเตี๋ยวค่ะ ก็อร่อยดีเกาเหลา + ข้าวเปล่า อิ่มมาก
หลังจากพักเที่ยง ก็เริ่มมีงานถ่ายเอกสารที่พี่ๆ เค้าสอนให้ช่วยงานก็ทำให้มีงานบ้างพอไม่เหงา แล้วก็ช่วยพี่เค้าตามสั่งไปเรื่อยๆ ถึงตอนห้าโมงเย็นก็กลับบ้าน (นอน... หลับ)