วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2553



วันนี้ได้ไปที่เขื่อนอุบลรัตน์ โดยมีตัวแทนพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จมาตรวจเยี่ยมถึงปัญหาของน้ำภายในเขื่อน และการให้นโยบายแก่ผู้ปฏิบัติงาน เป็นการประชุมสัมมนากันในห้องประชุมที่เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น จากนั้นก็ได้ไปที่สนามบินจังหวัดขอนแก่น เพื่อไปสัมภาษณ์ท่าน ผอ.สำนัก............... และเก็บภาพการประชุมภายในห้องประชุมของสนามบิน และออกดูเครื่องบินที่จะขึ้นไปทำฝนหลวงในช่วงประมาณบ่ายสามบ่ายสี่ ถามถึงขั้นตอนวิธีการกระบวนการทำฝนหลวงแล้วก็ข้อสงสัยต่างๆ ที่อยากรู้เกี่ยวกับทำฝนหลวงกับพี่ๆ นักบินที่จะออกไปทำฝนหลวงแล้วก็กลับที่สำนักงาน เขียนข่าว แล้วก็กลับบ้าน

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2553




วันนี้ออกไปทำข่าวที่ สนามบินเกี่ยวกับการทำฝนหลวงพิเศษเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ซึ่งเกิดมากจากการที่น้ำในเขื่อนสำคัญๆ ใน 5 จังหวัดมีปริมาณเหลือน้อย และก็ไปทำข่าวที่โรงรับจำนำเพราะช่วงนี้เป็นช่วงฟุตบอลโลก แต่วันนี้เป็นช่วงเริ่มของการแข่งขันฟุตบอลจึงยังคงไม่มีการนำสิ่งของมาจำนำมากนัก และผู้ที่จะมาสัมภาษณ์ไม่อยู่จึงต้องมาให้อาทิตย์หน้าเพราะเป็นช่วงที่จะเริ่มมีการแข่งขันฟุตบอลอย่างเข้มข้นขึ้น คิดว่าน่าจะมีรายงานเกี่ยวกับการนำสิ่งของเข้ามาจำนำมากขึ้น

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2553



ไปประชุมเกี่ยวกับสื่อมวลชนกับอาเซียนที่ทางกรมประชาสัมพันธ์เป็นผู้จัดโดยมีนาย โสดาศรีเป็นวิทยากรทรงคุณวุฒิในการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ 10 ประเทศอาเซียน และได้ไปทำข่าวที่ตลาดบางลำภู เกี่ยวกับการบริจาคเลือดให้แก่สภากาชาด เพื่อเตรียมพร้อมในสถานการณ์ต่างๆ โดยมีผู้สนใจโครงการสร้างมากมาย

วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน 2553

วันนี้มีงานตั้งแต่ 7.30 น. แต่นักศึกษาฝึกงานไม่ได้ไปหรอกค่ะ ให้พี่ๆ ไปกัน วันนี้มีงานประมาณ 6 ที่ สถานที่ที่นุชได้ไปทำข่าววันนี้ก็คือมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ไปเข้าประชุมเกี่ยวกับเรื่องการทำงานวิจัยของบุคลากรในมหาวิทยาลัย แล้วนำมาเผยแพร่ต่อสื่อเพื่อให้สื่อออกประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโครงการที่มหาวิทยาลัยได้ทำการดำเนินการวิจัยนั้นมา แล้วนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ไปนั่งโต๊ะประชุมร่วมกับคนสำคัญๆ ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และเมื่อผู้ทำการวิจัยอธิบายบรรยายเรียบร้อยก็เปิดโอกาสให้สื่อที่มีข้อสงสัยซักถามได้ (อยากถามเหมือนกัน แต่มันเป็นเรื่องทางวิชาการ เอาไว้คราวหน้าก็แล้วก็นะ... >0< อิอิ) จากนั้นก็กลับมาที่สำนักงาน เพื่อนๆ ก็ออกไปทำข่าวกัน แล้ววันนี้ก็ช่วยทำงานภายในสำนักงานเช่น การอัพข่าวขึ้นเว็บ IOC การส่งข่าวเข้ากรุงเทพฯ ค่ะ แล้วที่สำคัญวันอาทิตย์นี้หนูมีหน้าที่ไปทำข่าวกับพี่นกและก็พี่ปิ๊กค่ะ ไปทำถึงสามที่ด้วยกันค่ะ พอนัดแนะกันเรียบร้อยก็กลับบ้าน... (นอนหลับฝันดี)

วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2553



วันนี้ไปถึงที่ทำงานก่อนแปดโมงเช่นเคยค่ะ วันนี้ได้มีงานเลี้ยงลาผู้หัวหน้าของฝ่ายสถานีโทรทัศน์กัน แต่ก็ยังคงมีการทำข่าวเช่นเดิม วันนี้มีข่าวเยอะมาก ได้ออกไปทำข่าวกันคนละ 1 ข่าวค่ะ วันนี้ได้ไปที่ชุมชนหลังสถานที่ราชการ เค้าเรียกกันว่าอย่างนี้อ่ะค่ะ เป็นการจัดโครงการออกหน่วยเคลื่อนที่ ที่สืบเนื่องมาจากวันที่ 7 ที่ผ่านมา ก็มีหน่วยงานทางภาครัฐมาให้บริการประชาชนเหมือนกับวันที่ 7 ค่ะ แต่วันนี้ได้เรียนทำดอกไม่จากริบบิ้นรอบสองแล้วก็ทำเป็นแล้วด้วย... อิอิ หลังจากที่พี่ช่างภาพเก็บภาพเรียบร้อย แล้วก็ได้สารข่าวพร้อมกับจดข้อมูลสำหรับเขียนข่าวเรียบร้อย ก็กลับมาที่สำนักงานค่ะบ่ายพอดี มาเขียนข่าวให้เรียบร้อย แล้วก็ส่งให้พี่ๆ ตรวจ ให้บก. ตรวจความสวยงามของคำความถูกต้องต่างๆ เรียบร้อยแล้วก็ส่งเข้าเว็บ IOC และส่งไปที่หน่วยงานของวิทยุซึ่งอยู่ข้างล่างของสำนักงานเพื่อเผยแพร่ข่าวที่ได้ไปทำมาผ่านทางวิทยุชุมชนต่างๆ และจากนั้นก็พักเที่ยง พอกลับมาก็ได้พักนิดหน่อยเพราะพี่ๆ ไปงานเลี้ยงส่งกันที่โรงแรมพูลแมน ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น จากนั้นก็ทำงานที่พอจะช่วยเหลือพี่ๆ เค้าได้ตามปกติ พวกงานสำนักงานต่างๆ ที่พอจะช่วยพี่เค้าได้ แล้วก็ตอนเย็นมีงานเลี้ยงเกี่ยวกับรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือจากการที่ทางช่องโดนเผาทำลาย ก็ได้อยู่ช่วยพี่ๆ เค้าถึงมืดเลยค่ะได้กลับบ้านก็ประมาณสามทุ่ม (พี่ที่สำนักงานไปส่ง (พี่ทิพย์) อิอิ... ไม่ต้องเสียตังค์ค่ารถ) (ถึงบ้าน... แล้วก็นอน)

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2553



วันนี้ถึงที่ทำงาน 07.50 ค่ะ ประมาณ 08.15 พี่นาง (พี่ที่ให้การบ้านข่าวไปทำ) ก็มาถึง เราก็เอาข่าวที่ตัวเองได้ไปเขียนมาจัดการ Print ให้เรียบร้อยแล้วก็นำไปให้พี่นางตรวจดูความเรียบร้อย ระหว่างรอทีมข่าวของพี่นกและพี่ทนก็มีข่าวเข้ามาก็เลยได้ออกไปทำข่าวค่ะ วันนี้ได้ไป 2 ที่ค่ะ ได้ไปที่โรงแรมแก่นอินทร์ ไปทำข่าวเรื่องเกี่ยวกับการอบรมตำรวจในการใช้เครื่องมือตรวจวัดแอลกอฮอล์ มีวิทยากรบรรยาย และก็ตำรวจจราจรก็เข้าฟังการบรรยาย โดยตำรวจภูธรภาค 4 เป็นผู้ที่จัดโครงการในครั้งนี้ค่ะ พอถ่ายภาพเก็บรายละเอียดเรียบร้อยก็ไปต่อกันที่ชุมชนวัดธาตุค่ะ ที่ชุมชนวัดธาตุมีงานเกี่ยวกับการบริการหน่วยอาสาสมัครเคลื่อนที่มาให้บริการ โดยจัดขึ้นที่วัดธาตุ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีนายอำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่นมาต้อนรับสื่อมวลชนและภายในงานก็มีกิจกรรมต่างๆ ทั้งการให้บริการทางด้านสาธารณสุขจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ในการตรวจโรค วัดความดัน และรับปรึกษาปัญหาทางด้านสุขภาพ จากกรมปศุสัตว์มาฉีดยาป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนก็มาตัดผมให้แก่ชาวบ้านและจากกลุ่มแม่บ้านได้มาสอนวิธีการทำดอกไม้จากริบบิ้นให้แก่ผู้ที่สนใจ หลังจากนั้นก็ได้มีพิธีเปิดโดยให้ พันเอกนันทพล หน่ายเชื้อ รักษาราชการฝ่ายพลเรือน มทบ.23 ขึ้นกล่าวเปิดโครงการนี้ พี่นก (พี่เลี้ยงในการทำข่าว) ให้ออกไปหาสารข่าวเพื่อที่จะได้กลับมาเขียนข่าวที่สถานี แต่ว่าที่นี่ไม่มีสารข่าวค่ะ ก็เลยต้องไปขอคำกล่าวรายงานก็ไม่มีอีกเช่นกัน จึงได้ไปสัมภาษณ์ท่านนายอำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่นเกี่ยวกับความเป็น วัตถุประสงค์ต่างๆ ของโครงการนี้ (ตื่นเต้นมาก ครั้งแรกเลยค่ะที่ไปคนเดียว) แล้วจากนั้นก็ไปสัมภาษณ์ท่านพันเอกนันทพล หน่ายเชื้อ เกี่ยวกับผลที่ต้องการให้เกิดหลังจากจัดโครงการนี้และก็ความคาดหวังของการจัดในครั้งนี้ ซึ่งก็มีเนื้อหาประมาณว่า ต้องการช่วยเหลือประชาชนอะไรประมาณนี้แหละค่ะ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ชุมชนค่ะ หลังจากนั้นก็กลับมาที่สถานี ตอนขากลับพี่นกก็ได้บอกว่า พรุ่งนี้เอาคนอื่นมาหน่อยนะ รู้จักแค่สองคนเอง คนอื่นยังไม่รู้จักเลย (เราไปกับพี่เค้าตลอดเลยค่ะ ก็เลยต้องเปลี่ยนกันไปค่ะ... อิอิ) พอกลับมาถึงสถานีก็พักกลางวันไปกินข้าวกับเพื่อนๆ กลับมาจากกินข้าวก็มานั่งเขียนข่าวที่เราได้ออกไปทำมา ซึ่งเพื่อนอีกคน (ปุ๋ย) ได้เขียนข่าวเรื่องตำรวจ ส่วนเราได้เขียนข่าวเรื่องของหน่วยเคลื่อนที่ที่จัดขึ้นที่วัดธาตุค่ะ ก็เพิ่มได้รู้ว่าการเขียนข่าวมันยากมาก เราต้องรู้จักคำเยอะ ต้องรู้ประเด็นที่เราต้องการให้ข่าวมันเป็นไปอย่างไร ต้องมีการนำเสนอข่าวก่อนที่จะเข้าไปสู่ในเนื้อหาจริงๆ ก็แก้กันหลายรอบเลยทีเดียว พอให้พี่นกพี่เลี้ยงที่ออกไปทำข่าวดูเรียบร้อยก็ต้องเอาไปยื่นให้พี่นาง ซึ่งเป็นพี่บก. นั้นดูอีกหนึ่งรอบ แล้วก็แก้กันอีกครั้งนึง หลังจากนั้นจึงจะนำข่าวนั้นไปวางคู่กับเทปข่าวเพื่อให้พี่ตัดเทปข่าวมาให้ตรงกับเนื้อข่าวที่เราเขียน เป็นอันเสร็จกระบวนการของการทำข่าว แต่หลังจากนั้นเราก็ยังต้องมาแก้งานที่เราได้ส่งให้พี่นางดูเมื่อเช้านี้ค่ะ แก้ให้ดูสวยงามพี่นางก็จะมาสอนว่าตอนเริ่มเป็นอย่างไร ตอนเนื้อหาเป็นอย่างไรและตอนจบควรจะเป็นอย่างไร แล้วก็แก้ตามนั้น เรียบร้อยก็ Save เป็น File แล้วก็อัพขึ้นเว็บ IOC ค่ะ เป็นอันวันนี้เรียบร้อยไปอีกหนึ่งวัน
วันนี้สิ่งที่ยากลำบากที่สุดก็คือการเขียนข่าวค่ะ เพราะว่าข่าวที่เขียนนั้นไม่มีสารข่าวจึงมีประเด็นที่กว้างมากในการเขียน เพราะฉะนั้นวิธีการแก้ไขก็คือขอคำแนะนำจากพี่นกพี่ที่ไปทำข่าวด้วยกันและพี่เค้าก็ให้คำแนะนำมาก็จดและจำไปพัฒนาเอาในภายภาคหน้า... ขอบคุณค่ะพี่นก...

อาทิตย์ที่ 2 ของการฝึกงาน วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2553



วันนี้เราไปถึงที่ทำงาน 08.00 น.ค่ะ เมื่อไปถึงก็พักแปบนึงค่ะ แล้วก็ได้ออกไปทำข่าวกันข้างนอกค่ะ วันนี้ได้ไปกับทีมของพี่นกผู้ประกาศ และผู้ทนช่างภาพค่ะ วันนี้ได้ไปที่มัญจาคีรีค่ะ ไปทำข่าวตั้งแต่สามโมงครึ่ง (09.30) ถึงที่มัญจาก็ประมาณสี่โมงเช้า (10.00) ค่ะ มาทำข่าวเกี่ยวกับการฝึกอาสาสมัครประจำหมู่บ้านให้เตรียมพร้อมในการรับมือกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายหรือขโมย โจรต่างๆ โดยทำงานร่วมกับตำรวจ และได้สัมภาษณ์พลตำรวจเอกมนตรี เป็นผู้กำกับอยู่ที่สถานีตำรวจที่มัญจาคีรีค่ะ แล้วก็ได้ไปรับประทานอาหารร่วมกันกับพี่ๆ นักข่าวช่องอื่นๆ (ช่อง 7 และก็ช่อง KTV ค่ะ) กินกันไปก็พูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยค่ะ ก็เลยลองถามพี่ทางช่อง 7 ว่าถ้ามีรุ่นน้องไปฝึกงานที่ช่อง 7 ได้มั๊ย พี่เค้าก็บอกว่าให้มาเลยมาตอนนี้เลยจนเราตั้งตัวไม่มันเลยว่าทำไมรับเร็วจัง จากที่สังเกตเนี่ยพี่สื่อมวลชนส่วนมากอารมณ์ดี๊ดี ไม่ค่อยจะมีใครเครียดสักเท่าไหร่เลย กินอาหารกลางวันที่ร้านอาหารร่วมกับพี่ๆ แล้วก็คุณตำรวจเสร็จก็แยกย้ายกันกลับสถานีของตัวเองค่ะ กลับถึงสถานีก็ประมาณบ่ายโมงค่ะ พี่นาง (เป็นพี่ บก. อีกคนของที่นี่ค่ะ) ก็บอกให้นำข่าวที่ขึ้นอยู่ในเว็บ NNT มาสรุปและก็เขียนข่าวเพื่ออัพขึ้นเว็บ IOC (เป็นเว็บของสำนักประชาสัมพันธ์ค่ะ ไว้สำหรับการให้ข่าว ประโยชน์ก็คือเรามีศูนย์ข่าวย่อยอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ค่ะ เพื่อความสะดวกในการรับส่งข้อมูลข่าวสารกันแต่ละศูนย์ข่าวก็เลยมีเว็บนี้ขึ้น นี่เป็นประโยชน์ส่วนหนึ่งนะคะที่รู้ ส่วนประโยชน์อย่างอื่นก็ยังไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่ก็คาดว่าคงจะมีเยอะนะคะ แต่ยังไม่เคยได้เลยเข้าไปใช้ส่วนอื่นๆ เลย เพิ่งได้เข้าไปอัพข่าวขึ้นอย่างเดียว >0<) วันนี้เราเด็กฝึกงานได้หัวข้อข่าวคนละหัวข้อ พี่ก็อธิบายถึงการเขียนต่างๆ ให้เราฟัง และก็ให้การบ้านเป็นการนำข่าวที่ได้รับมากลับไปเขียนกันให้เรียบร้อย... พรุ่งนี้ส่งนะจ๊ะ...

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2553



ถึงที่ทำงานประมาณ 07.30 น. วันนี้มีข่าวทั้งหมด 4 ข่าวค่ะที่ต้องออกพื้นที่ ไปถึงก็รอพี่ช่างภาพที่จะต้องออกพื้นที่ด้วยกัน แต่ว่าเจอพี่กบพี่ช่างภาพที่ออกตอนประมาณสิบโมงมาแต่เช้าเลยค่ะ มานั่งคุยเล่น ทำงานไปด้วย สนุกสนานค่ะ ไม่นานพี่สุทนช่างภาพ กับพี่นก (ผู้ชายนะคะ) เป็นพิธีกร เข้ามา มาคุยเล่นด้วยนิดหน่อย รอเวลาออกไปทำงาน ประมาณ เกือบสิบโมงพี่เค้าก็เลยเรียกเรากับเพื่อนไปทำงานด้วย (สุดยอด ได้ออกแล้ว...) ได้ออกทำข่าวแล้วค่ะ สถานที่แรกของการทำงานข่าวในชีวิตก็คือ... มหาวิทยาลัยที่พระเรียนอยู่แถวสวนสาธารณะทุ่งสร้างค่ะ เป็นการจัดงานนิทรรศการวันสิ่งแวดล้อมโลก เกี่ยวกับสภาพสิ่งแวดล้อมไปดูบูธต่างๆ ที่เค้าจัดขึ้นมามีความน่าสนใจมากมายหลากหลายค่ะ มีก๊อกน้ำลอยได้ด้วย วันนี้มาออกพื้นที่กับเพื่อนปุ๋ยค่ะ (ดาราณี) พากันเดินดูงานไปเรื่อยๆ ส่วนพวกพี่เค้าก็ไปพบเพื่อนที่เป็นเพื่อนอาชีพเดียวกันอยู่รอเวลาที่เค้าจะเปิดงานค่ะ
จากนั้นก็ไปต่อที่งานปลาสวยงามที่กรมประมง อยู่แถวๆ ศาลากลางเมืองของจังหวัดขอนแก่นค่ะ ไปเดินชมดูงาน ดูปลาต่างๆ แล้วก็มีการทำสปาปลาด้วยแหละ สปาปลาคืออะไรรู้ป่าว ก็คือว่าสปาที่เอาปลามากัดเท้าอ่ะ กัดแล้วมันจะรู้สึกดีขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ยังไม่เคยลอง แต่เป็นปลาตัวเล็กๆ นะ
กลับมาถึงที่สำนักงานก็เกือบเที่ยงแล้ว อีกทีมนึงก็ออกไปทำข่าวที่เซ็นทรัลพลาซ่า กับภาค 4 ข่าวการเปิดสาขาใหม่ของ CAT SHOP ที่เซ็นทรัล แล้วก็ไปทำข่าวคดีแถลงข่าวโจรปล้นเซฟที่ภาค 4 ระหว่างนั้นที่สำนักงานก็มีการเลี้ยงกันเกิดขึ้น เลี้ยงอะไรน่ะหรอ เลี้ยงพี่ฝึกงานที่เค้ากำลังจะกลับวันนี้ คือทำงานวันนี้วันสุดท้ายอ่ะ ก็เลยเลี้ยงกันเป็นการใหญ่ เราก็เตรียมอุปกรณ์การกินให้พร้อมสำหรับการกิน อาหารก็คือ ส้มตำ คอหมูย่าง แหนม ลาบ ยำคอหมูและอีกเยอะแยะมากมาย กินไปก็คิดถึงเพื่อนที่ไปทำข่าวกันว่าเมื่อไหร่จะกลับมา กินใกล้จะเสร็จแล้วแต่ว่านุชอิ่มแล้วนะ ทีมนั้นก็กลับมา มากินทันพอดี ก็กินกันไปกินกันมาจนอิ่ม ทำความสะอาดเรียบร้อย ก็มาเขียนข่าวกัน อ้อ... ลืมเล่าว่าพวกที่ไปทำงานที่เซ็นทรัลนั้นได้ของกลับมาด้วย ได้แก้ว เสื้อกลับมาด้วยเพราะว่าเค้าแจกคนเข้างานที่เซ็นชื่อ เพราะที่ดีได้แบ่งของแจกมาให้พวกเราด้วย เป็นเพื่อนที่ดีกันจริงๆ อิอิ ของฟรีต้องแบ่งกันนะ
ตอนประมาณสามโมงก็... หัวหน้าปัญญาก็ได้เข้ามาพร้อมกับแหนมเนืองสองชุดใหญ่ๆ เราก็มานั่งคุยกันว่าทำไมวันนี้กินเยอะจังเลย ก่อนกินเราได้ขึ้นตึกไฟไหม้กันอีกหนึ่งครั้ง ก่อนไปก็แวะไปที่ฝ่ายศิลป์เพื่อไปหาของแล้วก็ขึ้นตึกขนของที่ใช้ได้กลับมาที่ตึกใหม่ที่ทำงานเนี่ยแหละ ขนของเสร็จกลับมาจัดของที่ใหม่ให้เข้าที่เข้าทางก็พากันกินแหนมเนืองร่วมกันกับพี่ที่ทำงานอีกหนึ่งรอบ กินเสร็จ ทำความสะอาด ก็ได้เรียนงานจากพี่ที่ฝึกงานเก่าเรื่องเกี่ยวกับการส่งงานเข้ากรุงเทพ แล้วก็การอัพข่าวเข้าเว็บ การดูสารข่าวต่างๆ การทำงานภายในอินเทอร์เน็ตหรือส่งข่าวให้บก. ตรวจหลังจากที่เราเขียนข่าวเสร็จ จากนั้นก็เลิกงานพอดีเป๊ะๆๆๆ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน 2553



ถึงที่ทำงาน 7.50 ค่ะ วันนี้หน้าบอร์ดข่าวมีงานทั้งหมด 3 ที่ค่ะ เราคิดว่าจะได้ไปกันหมดทุกคนแต่แล้วก็...
พอถึงเวลาตามงานพี่ช่างภาพก็มาเรียกว่าใครจะไปกับพี่บ้างหนึ่งคน (ฮะ... หนึ่งคน) แล้วเพื่อนก็เลยรีบลุกไปเลย เพราะว่าทีมหนึ่งจะมีเพียงแค่ประมาณสามคนเท่านั้น ถ้ามากที่สุดก็สี่คน ก็วันนั้นมีพี่ฝึกงานคนเดิมที่กำลังจะฝึกงานเสร็จภายในอาทิตย์นี้แล้วไปด้วยอีกหนึ่งคน
เท้าความก่อนนะ ที่นี่มีเด็กฝึกงานอยู่แล้ว 3 คนค่ะ สองคนแรกเป็นประมาณรุ่นพี่เป็นคนบุรีรัมย์ ก็เก่งมากนะพี่สองคนนี้เค้าก็ฝึกงานเสร็จอาทิตย์นี้ เพื่อนก็พากันออกไปทำข่าวที่น้ำพองค่ะ ส่วนเราก็มีงานหนึ่งงานค่ะคืองานแกะเทปค่ะ งานแกะเทปเป็นงานของพี่เค้าให้ช่วยค่ะ ในเทปก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับการอภิปรายภายในสภาค่ะ ก็พิมพ์ไปฟังไปเรื่อย ประมาณเกือบเที่ยงก็เสร็จแล้วก็เอาไปส่ง ระหว่างการแกะเทปนั้นก็มีงานทำข่าวเหลืออีกสองงานค่ะ แต่ว่า... ดั๊น... ไม่มีรถ รถสำหรับไปทำข่าว ก็เลยอยู่ที่ห้องประชุมนั่นแหละค่ะ
เพื่อนคนนึงกลับมาจากทำข่าวเราก็เลยถามก็ด้วยความตื่นเต้นปนอยากรู้อยากเห็นก็เลยซักถามกันเสียการใหญ่ เพื่อนก็เลยเล่าว่า “ชั้นไปแล้ว... ไม่เจอที่ที่ทำข่าวก็เลยถือว่าไปนั่งรถเล่นเฉยๆ อิอิ” ออ... เราก็เลยเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามีข่าวเข้ามาแล้วบางทีก็ไปเจอก็มีเหมือนกันหรอเนี่ย อืม... เป็นประสบการณ์ใหม่นะเนี่ย หลังจากนั้นก็ไปพักเที่ยง ไปกินข้าวกันค่ะ
กลับมาจากพักเที่ยงก็เหมือนเดิมค่ะทำงานที่พี่เค้าให้ทำเล็กๆ น้อยๆ และก็มีสารข่าวด่วนเข้ามาก็ให้เพื่อนอีกคนไปทำข่าว ฝ่ายเราก็นั่งคุยกับพี่ๆ เค้าไปเอาของในตึกที่โดนเผาไปแล้ว ไม่อยากจะบอกเลยว่าบรรยากาศข้างในเหม็นควันไฟอยู่เลยค่ะ แต่ตรงสำนักงานฝ่ายโทรทัศน์ไม่ได้ไหม้นะ แค่โดนหินเขวี้ยงมาทำให้กระจกนั้นแตกไปหมดเลย ที่ที่ไฟไหม้นั้นก็เป็นเพียงชั้นล่างแล้วก็ตรงบันได เหม็นมาก... ขนของจากตึกที่โดนเผาเสร็จเรียบร้อยเพื่อนก็กลับมาจากทำข่าว หลังจากนั้นพี่เค้าก็ตัดต่อภาพที่ไปถ่ายมาและพี่ฝึกงานเก่าก็เขียนข่าว งานข่าวเป็นงานที่เร่งรีบ รีบทำรีบเสร็จเพื่อที่จะได้ส่งข่าวไปให้ทางกรุงเทพออกอากาศ ก็อย่างที่บอกว่าสถานีขอนแก่นมันออกอากาศไม่ได้ ก็โดนเผานั่นแหละ พองานเรียบร้อยก็กลับบ้านค่ะ

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2553




มาถึงที่ทำงานตอน 7.50 พร้อมกัน 4 คน ทั้งหมดรีบมาเซ็นชื่อ เพราะกลัวจะ 8 โมงเดี๋ยวเข้างานสาย (ฝึกงานใหม่ก็อย่างนี้เสมอแหละ) แล้วก็ประจำที่... แฮะๆ... ที่เดิมโต๊ะประชุมตัวเดิมเลยมีบรรยากาศเหมือนเดิม
วันนี้งานหลักๆ ก็คือ... การเอาเทปที่ถ่ายเก่าๆ มาใส่เครื่องแล้วจดชื่อเรื่องและช่วงเวลาของเรื่องนั้นพี่เค้า (เราได้ใช้เครื่องตัดต่อแล้วแหละ ถึงจะได้ใช้งานแบบง่ายๆ ก็ตาม) เพื่อที่พี่เค้าจะได้รู้ว่าเทปม้วนนี้มีอะไรบรรจุอยู่ภายในบ้าง (ดีใจนะเนี่ย มีงานทำแล้ว) ตั้งอกตั้งใจกันทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 12.30 น. ถึงได้ไปกินข้าวแต่ก็ยังไม่เสร็จนะ (เพราะว่ามันตั้งเกือบสิบม้วนแน่ะ) กินข้าวเสร็จก็ได้กลับมาทำต่อในตอนบ่ายหลังจากกินข้าวเสร็จ พอจดเรียบร้อยแล้วก็เอาชื่อนั้นไปพิมพ์ พิมพ์เรียบร้อยแล้วก็ถือว่าเสร็จงาน แล้วก็กลับสู่สภาพเดิม เบื่อ... จัง แต่พี่อู๋ พี่ช่างภาพก็มานั่งคุยด้วยค่ะ (สนุกจัง) ระหว่างคุยกันก็มีงานกระจุกกระจิกมาให้พวกเราช่วยอยู่เรื่อยๆ ค่ะ จนถึงเวลาเลิกงานพอดีค่ะ เราก็กลับบ้านตอนห้าโมงเย็น

วันแรกของการทำงาน วันอังคารที่ 1 มิถุนายน 2553



วันแรกของการทำงาน เป็นเรื่องที่ตื่นเต้นและแปลกใหม่สำหรับพวกเรานิสิตฝึกงานปี 4 เป็นอย่างมาก กลุ่มออกฝึกงานของเรามีด้วยกันทั้งหมด 4 คน เป็นผู้หญิงหมดเลยค่ะ
วันแรกเราพร้อมใจกันตื่นแต่เช้า (ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า...) เจ็ดโมงตรงกลุ่มของพวกเราก็พากันถึงที่ฝึกงานแล้ว (เชื่อป่ะ... อิอิ ไฟแรง) เราโทรหาพี่ที่เป็นพี่เลี้ยงของพวกเรา พี่เค้าบอหว่า “น้องนั่งเล่นไปก่อนนะแถวข้างๆ ตึกนั่นแหละ ใต้ต้นมะม่วงนะ เดี๋ยวประมาณ 8 โมงครึ่งพวกพี่จะไปถึงนะ” เราก็ตอบอย่างว่าง่าย “ค่ะ” แต่เมื่อวางสายแล้วก็พากันสุมหัวคุยกันว่า “แปดโมงครึ่ง! อีกชั่วโมงครึ่งเนี่ยนะ... เรากลับไปนอนต่อดีมั๊ย” แต่ก็แค่พูด ได้ได้ไปไหนกัน จากนั้นก็พากันพูดกันไปเรื่อย ต่างๆ นานา ประมาณ 8 โมงพนักงานก็เริ่มทยอยเข้ามาทำงานใน office เราก็รอคอย “พี่หญ้า” คนที่เราติดต่อว่าตอนแรกจะเป็นพี่เลี้ยงของพวกเรา (คิดเองเออเองเสร็จเรียบร้อย) พอมีคนเริ่มทยอยมาแล้วอากาศก็ร้อน เราเลยปรึกษากันว่าจะไปไหนดี ก็ตกลงว่าจะไปที่ทำงาน “เข้าไปในที่ทำงานกันเถอะ” พอขึ้นไปบนตึกในห้องของฝ่ายโทรทัศน์ก็เจอพี่อ้อ ก็ได้เข้าไปบอกกับพี่เขาว่า “พี่คะ สวัสดีค่ะ พวกหนูเป็นนักศึกษาฝึกงานค่ะ” อย่างนอบน้อมสุดๆ จากนั้นพี่เค้าก็ถามถึงหนังสือที่ส่งตัวพวกเราเข้าไปทำงาน ก็เลยเอาหนังสื่อส่งตัวให้กับพี่แอ้ พี่แอ้ก็บอกว่า “ไปรอ “พี่ติ๋ว” กันข้างนอกก่อนนะไปนั่งเล่นกันก่อน” ก็ตอบอย่างว่าง่ายตามเดิม “ค่ะ” แต่ในใจก็คิดว่า “เพิ่งเข้ามาเมื่อกี้เองอ่ะ... เฮ้อ ร้อนอีกแระ” ก็พากันขนย้ายตัวกันออกมาจากตึกมารอที่ต้นมะม่วงข้างตึกตามเดิม
“เบื่อ!!! อ่ะ... รอ... รอ... รอ...” นานมาก ต้องอดทนนั่งเมาท์กันไปเรื่อยๆ จนคิดว่า ช่อง 11... เพิ่งโดนเผานี่ เรา... ไปดูกันดีมั๊ยอ่ะ >_< อยากดู” ตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น... อิอิ พอพูดจบก็พากันเดินตากแดดไปดูตึกที่เหลือแต่ซากจะเข้าก็เข้าไปไม่ได้เพราะว่ามันเป็น “เขตุอันตราย ห้ามเข้า!!!” อืม เราก็พากันเดินตากแดดกลับมาที่พักของพวกเรา “ต้นมะม่วงข้างตึกนั่นเอง”
8.25 น. “เข้าไปกันเถอะ” ชวนกันขึ้นตึกอีกครั้ง เพราะว่าเราอยากทำงานม๊ากมาก (จริงๆ ข้างล่างมันร้อนมากๆ เลย) ขึ้นไปที่ห้องเดิมและก็ได้คำตอบเหมือนเดิม “รอก่อน” เฮ้อ... รอก่อนนะพวกเรา คราวนี้เราพากันนั่งรอพี่เค้าหน้าห้องเลย เอาซิ เพราะว่าแปดโมงครึ่งแล้วอ่ะจะลงไปคนก็เยอะเกรงไปหมดเลย... ก็เลยนั่งรออยู่หน้าห้อง... ดั๊น... เป็นที่ที่เค้าลงชื่อกับที่ชงกาแฟกินของเจ้าหน้าที่กัน อ้อ... ลืมบอกไป... ด้วยความที่เป็นเด็กใหม่ จากการที่ท่านอาจารย์ได้สอนให้มือไม้อ่อน ตั้งแต่เช้ามากจนถึงตอนนี้เกือบๆ 9 โมงแล้ว เราไหว้คนในสำนักงานทั้งหมดรวมกันน่าจะเกิน 50 คนนะ... ไม่งั้นก็เกิน แต่!!! ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เราไม่อยากไหว้หรอ... ไม่ใช่หรอก เราไหว้ได้สบายมากด้วยแต่อย่างที่บอกมันเป็นที่ลงชื่อกับที่ชงกาแฟ ดื่มน้ำตรงนั้น มันทำให้มีคนเยอะมาก แล้วก็เดินกันวนไปวนมาแล้ว... แล้ว... ใครล่ะที่เราไหว้แล้วอ่ะ ก็ต้องช่วยกันจำว่า คนนี้ไหว้แล้วนะ ถ้าไหว้ซ้ำก็ยิ้มๆ กันไป เนียนๆ ค่ะ แต่คนที่นี่อารมณ์ดีและใจดีมากๆ ด้วย ทุกคนเลยจริงๆ ค่ะ ไม่มีใครเคร่งเครียดเท่าไหร่ เดินไปเดินมาก็พูดเล่นกับพวกเราเสมอ... น่าสนุกดีนะเนี่ย ระหว่างนั่งรอก็พากันคุยกันว่าใครจะอยู่ฝ่ายไหน เพราะตอนมาส่งเอกสารพี่เค้าบอกให้อยู่ฝ่ายละ 2 คนเท่านั้น 2:2 เราก็ทำการคัดแยกออก เลือกด้วยความยุติธรรมจากการ “โอน้อยออก” และ “เป่ายิ้งฉุบ” สรุปได้เรียบร้อยแล้ว นุชได้อยู่ฝ่ายรายการ
9 โมงเห็นจะได้ ในที่สุดพี่ติ๋วก็มาถึง พี่เค้าเรียก พวกเราก็พากันเดินเข้าไปในห้องทำงานเล็กๆ ที่อยู่รวมกัน 3 ฝ่ายในนั้น (ที่จริงเป็นห้องที่ใหญ่นะ แต่เนื่องจากไฟไหม้ไงก็เลยต้องย้ายมาตึกหลัง ซึ่งเล็กแต่สำนักงานทั้งหมดต้องอยู่ที่นี่และแบ่งกั้นห้องเรา) เข้าไปพบพี่เลี้ยงก็ได้ทำการแนะนำในการประพฤติปฏิบัติตน การแต่งกายและอะไรต่างๆ มากมายเกี่ยวกับการทำงานในฝ่ายต่างๆ รวมทั้งตอบคำถามท่ะวกเราสงสัยด้วย พี่ติ๋วบอกว่าช่วงนี้ยังไม่ค่อยได้ทำอะไรหรอกนะเพราะว่าของมันยังไม่เข้าที่เท่าไหร่ ก็มีอะไรที่ช่วยพวกพี่ๆ เค้าได้ก็ช่วยไปก่อนนะ ประมาณเดือนนึงก็น่าจะเข้าที่เรียบร้อย” และสุดท้ายที่พี่เค้าบอกก็คือ “หาที่นั่งเอาเลยนะ อย่ากนั่งตรงไหนก็เอาเลยนะ” (แล้วเราจะนั่งตรงไหนกันเนี่ย ห้องก็... แหม... ช่างใหญ่เสียนี่กระไร)
ท้ายสุดเราก็ได้มารวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะประชุมของฝ่ายข่าว เค้าก็เดินวนกันไปมาเราก็นั่งกลางโต๊ะประชุม กลางห้องอย่างนั้น คามรู้สึกส่วนตัวคือ “เรามันตัวเกะกะหรือนี่ มีอะไรให้เราทำมั๊ยน้า...” จากความรู้สึกนี้ก็ได้เดินไปที่ฝ่ายรายการของตัวเองและถามว่า “พี่คะมีอะไรให้ช่วยมั๊ยคะ มีอะไรให้ทำก็เรียกใช้ได้เลยนะคะ” พี่เค้าตอบว่า “อย่าเพิ่งไฟแรง ช่วงนี้มันยังไม่เข้าที่เดี๋ยวสักพักก่อนนะ” แต่ที่สำคัญได้รู้ชื่อของพี่ๆ ฝ่ายนั้นเพิ่ม 3 คน “พี่อ้อนสุดสวย พี่แอ้สุดสวย และพี่แจ๊ค” แล้วก็เดินกลับมานั่งหงอยอยู่ที่โต๊ะเหมือนเดินเฮ้อ...
ปัง!!!... เสียงปิดประตู นักศึกษาฝึกงานคนแรกที่ได้เจอเข้ามา มาถึงเค้าก็มานั่งตัดเทปเกี่ยวกับคนเสื้อแดงนี่แหละ เราก็ทำได้ตั้ง... เฮ้อ... นั่งดูเฉยๆ เท่านั้น ระหว่างนั้นเราก็ยังคงไหว้คนที่เข้ามาใหม่ๆ เหมือนเดิม และมีพี่คนหนึ่งเอากล้อง “DVCAM” เข้ามาวางไว้ที่กลางโต๊ะ “เพื่อนถามพี่เค้าว่า “ตัวนี้หนักมั๊ยคะ” พี่เค้าบอกว่า “ลองยกดูเลย” เพื่อนหนูเป็นคนตัวเล็ก ผอม “ยกไม่ขึ้น!” (แฮะ... ก็มันหนักนี่) แล้วพี่เค้าก็ไปตัดข่าวที่ถ่ายมา เขียนข่าวที่ไปทำมา ปุ๊บ... ปั๊บ... ปุ๊บ... ปั๊บ... แป๊บเดียวเสร็จแล้วหรอ อืม... สุดยอดขั้นเทพ
พี่ที่เป็นนิสิตฝึกงานก็หันมาคุยด้วย แนะนำตัวกันไปเรื่อยเปื่อยพี่เค้าชื่อพี่แจ็ค ชื่อเหมือนกับพี่ที่อยู่ฝ่ายรายการเลย พี่ก็แนะนำเรื่องต่างๆ แล้วก็ดูการใช้งานของเครื่องตัดต่อที่มีมอนิเตอร์แยกกันอยู่สองตัวที่เราไม่เคยมีโอกาสได้ใช้ ก็สอนบ้าง... คุยบ้าง... สลับกันไป พี่แจ๊คอยู่ฝ่ายข่าวค่ะ อีกสามสี่วันพี่เค้าก็กลับเข้าสังกัดมหาลัยเค้าแล้ว
วันนี้ช่วงเช้างานคือ นั่ง... นั่ง... แล้วก็นั่ง... (มองหน้ากันเฉยๆ เท่านั้น)
แล้วพอใกล้ๆ เที่ยงก็มีพี่อู๋กับพี่กบพี่ช่างภาพมาแนะนำการใช้กล้อง DVCAM ตัวที่วางอยู่บนโต๊ะที่เรานั่งกันนั่นแหละ เราก็ได้จับ ได้แตะ ได้กดนู่นกดนี่ ไปตามประสาของคนอยากรู้อยากเห็นและก็ไปกันข้าวที่โรงอาหารของสำนักงาน ซึ่งในย่านนั้นมีเพียงสองร้านเท่านั้นร้านแรกคือร้านข้าวแกง อีกร้านก็ร้านก๋วยเตี๋ยว วันนี้เลือกกินก๋วยเตี๋ยวค่ะ ก็อร่อยดีเกาเหลา + ข้าวเปล่า อิ่มมาก
หลังจากพักเที่ยง ก็เริ่มมีงานถ่ายเอกสารที่พี่ๆ เค้าสอนให้ช่วยงานก็ทำให้มีงานบ้างพอไม่เหงา แล้วก็ช่วยพี่เค้าตามสั่งไปเรื่อยๆ ถึงตอนห้าโมงเย็นก็กลับบ้าน (นอน... หลับ)